ตอบแบบง่ายๆ ทวีปอเมริกาเหนือก็คือพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของประเทศสหรัฐอเมริกากับแคนาดาปัจจุบันรวมกัน โดยมีคนผิวขาวเป็นชนกลุ่มใหญ่ของทวีปนี้ ทั้งๆที่คนพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นั่นไม่ได้เป็นทั้งฝรั่งหรือคนผิวสีแต่กลับเป็นคนผิวเหลืองที่มีหน้าตาแบบคนเอเซียที่อพยพไปจากไซบีเรียทวีปเอเซียนี่เอง
นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ทำการศึกษาค้นคว้าและเชื่อว่าทวีปอเมริกาเหนือมีมนุษย์เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่ยุคโบราณเป็นเวลากว่า 20,000ปีมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในสมัยนั้นถ้าจะหาหลักฐานข้อเท็จจริงแบบชัดๆก็มีน้อยมากจนเอามายืนยันแทบไม่ได้ แต่เราก็สามารถคาดเดากันได้ว่า ช่วงเวลานั้นต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากเป็นอย่างมาก มนุษย์กลุ่มแรกจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ก็จะต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสมาชิกในกลุ่มจะต้องพึ่งพาอาศัยกันไม่ว่าจะเป็นการหาอาหาร กานแบ่งปันเครื่องนุ่งห่มกันความหนาวหรือการดูแลความปลอดภัยซึุ่งกันและกัน
เมื่อสองหมื่นปีที่แล้ว ดินแดนที่เรียกว่าสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันแตกต่างจากทุกวันนี้โดยสิ้นเชิง พื้นทีที่เป็นทะเลทรายในปัจจุบัน มีบางส่วนเคยเป็นป่าทึบ ที่ราบทุ่งหญ้าบางแห่งเคยเป็นทะเลสาปมาก่อน แผ่นน้ำแข็งยักษ์(Glacier)เคยปกคลุมไปทั่วดินแดนแคนาดาปัจจุบัน
มีสัตว์โบราณหลายชนิดที่มีลักษณะคล้ายสัตว์ยุคปัจจุบันเช่น ตัวบีเวอร์ยักษ์ที่ตัวใหญ่ขนาดเท่าหมี ตัวแมมมอทยักษ์ทีมีลักษณะบางอย่างคล้ายช้างในยุคปัจจุบัน แม้แต่อูฐยักษ์แห่งทวีปอเมริกา(American camel) ก็มีอยู่กระจายครอบคลุมไปทั่วพื้นทวีป น่าเสียดายที่สัตว์เหล่านี้ต่างก็สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
นักประวัติศาสตร์คาดเดากันว่า สมัยนั้นทวีปอเมริกาและเอเชียเคยเป็นดินแดนติดกันเชื่อมต่อกันด้วยสันดอนแคบๆบริเวณช่องแคบแบริ่ง.. ช่องแคบแบริ่งตอนนั้นมีช่องทางน้ำแคบๆเป็นตัวกั้นแบ่งแยกสองทวีปออกจากกัน นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า น้ำทะเลในทะเลแบริ่งและทะเลชัคชี่(Chukchi)ตอนนั้นมีระดับต่ำกว่าปัจจุบันมาก มีพื้นดินบางส่วนที่เป็นสันดอนโผล่เหนือน้ำตอนน้ำลงเปรียบเหมือนเป็นสะพาน ทำให้สัตว์บางส่วนเคลื่อนย้ายอพยบจากทวีปเอเซียไปหากินที่ทวีปอเมริกาผ่านทางสะพานดินแห่งนี้ เมื่อสัตว์เดินผ่านได้ มนุษย์นักล่าจากไซบีเรียในทวีปเอเซียก็ย่อมทำได้เช่นกัน มนุษย์ยุคนั้นได้ตามแกะรอยสัตว์ที่พวกเขาตามล่าไปถึงทวีปอเมริกา
****จากสภาพความเป็นจริงที่สอดคล้อง ช่องแคบแบริ่งปัจจุบันมีความกว้างเพียง53 กิโลเมตรและมีความลึกประมาณ 30-50 เมตรเท่านั้น จึงเป็นไปได้ที่สองหมื่นปีที่แล้วแผ่นดินอเมริการและเอเชียจะเชื่อมต่อกัน อ้างอิง: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87
ช่องแคบแบริ่ง ส่วนกว้างที่สุด 50 กิโลเมตร ความลึกเฉลี่ย30-50เมตร |
ทั้งอะลาสก้าและแคนาดา มีอากาศที่อบอุ่นกว่า สัตว์ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียทางทวีปเอเซียจึงได้กระจายตัวลงมาทางใต้ไปทั่วตั้งแต่อะลาสก้าลงมา สัตว์เหล่านั้นได้เดินทางผ่านช่องทางแคบๆที่ไม่มีน้ำแข็งเกาะไปสู่พื้นที่ราบกว้างใหญ่ อาศัยกินหญ้าอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันเรียกว่าประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสัตว์เหล่านี้หยุดอพยพ มนุษย์นักล่าก็เลยลงหลักปักฐานล่าสัตว์อยู่ที่นี่
ปัจจุบันระดับน้ำทะเลได้สูงขึ้นกว่าเดิมทำให้เส้นทางดังกล่าวได้จมหายไป สัตว์และมนุษย์เหล่านั้นจึงตกค้างเป็นสิ่งมีชีวิตประจำถิ่นของทวีปอเมริกาในเวลาต่อมา
ภาพจิตนาการมนุษย์ยุค40000 ก่อนปีค.ศ. |
อีกหลายปีต่อมานักล่าที่อยู่ในที่ราบใหญ่กลุ่มหนึ่ง ได้แยกตัวมุ่งหน้าไปยังที่ราบทางทิศตะวันตกในส่วนของเทือกเขาทางแปซิฟิค อีกส่วนก็มุ่งไปยังพื้นที่ที่มีป่าไม้ในที่ราบทางตะวันออกและที่ราบสูงอะปาลาเชี่ยน(Appalachian Highland)
สัตว์ พวกแมมมอท อูฐแห่งอเมริกาและบีเวอร์ยักษ์ ภาพตามจินตนาการ |
ภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนเมื่อ 6000 ปีที่แล้ว พืชพันธุ์หลายชนิดเริ่มสูญพันธุ์ สัตว์จำพวก บีเวอร์ยักษ์ แมมมอทและอูฐอเมริกันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับภาวะแวดล้อมใหม่ ต่างก็ล้มตายสูญพันธุ์ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามกลุ่มนักล่ากลับสามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้จากการเปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำการเพาะปลูกแทนการล่าสัตว์เป็นอาหารเพียงอย่างเดียว
เมื่อคนจากเกาะอังกฤษกลุ่มแรกอพยพมาอยู่ในอเมริการที่เรียกว่านิวอิงแลนด์ ในเบื้องต้นชาวอเมริกันอินเดียนเจ้าถิ่นให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีในฐานะเจ้าบ้านสอนชาวยุโรปให้รู้จักเพาะปลูกข้าวโพด และมันฝรั่งเป็นอาหาร..อย่างไรก็ตามคนยุโรปกลุ่มแรกแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากชาวอินเดียนแต่ก็ต้องล้มตายลงเกือบครึ่ง.ในที่สุดฤดูหนาวแรกก็ผ่านไปด้วยดีชาวยุโรปกลุ่มนี้ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับชาวพื้นเมืองจนเป็นประเพณี Thanks giving day ติดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนั้นหากชาวอินเดียนรู้อนาคตว่าอะไรจะเกิดกับเผ่าพันธุ์ของตนก็คงจะปล่อยให้ชาวยุโรปจากเกาะอังกฤษกลุ่มนั้นอดหยากและหนาวตายกันจนหมดและอเมริกาคงมีรูปโฉมแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน(ยังมีต่อ)