วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หรือชาวอเมริกันอินเดียน "บื้อ" ที่มองคนขาวในแง่ดีเกินไป

   ทวีปอเมริกาเหนือคืออะไร?
   ตอบแบบง่ายๆ ทวีปอเมริกาเหนือก็คือพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของประเทศสหรัฐอเมริกากับแคนาดาปัจจุบันรวมกัน โดยมีคนผิวขาวเป็นชนกลุ่มใหญ่ของทวีปนี้ ทั้งๆที่คนพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นั่นไม่ได้เป็นทั้งฝรั่งหรือคนผิวสีแต่กลับเป็นคนผิวเหลืองที่มีหน้าตาแบบคนเอเซียที่อพยพไปจากไซบีเรียทวีปเอเซียนี่เอง
   นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ทำการศึกษาค้นคว้าและเชื่อว่าทวีปอเมริกาเหนือมีมนุษย์เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่ยุคโบราณเป็นเวลากว่า 20,000ปีมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในสมัยนั้นถ้าจะหาหลักฐานข้อเท็จจริงแบบชัดๆก็มีน้อยมากจนเอามายืนยันแทบไม่ได้ แต่เราก็สามารถคาดเดากันได้ว่า ช่วงเวลานั้นต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากเป็นอย่างมาก มนุษย์กลุ่มแรกจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ก็จะต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสมาชิกในกลุ่มจะต้องพึ่งพาอาศัยกันไม่ว่าจะเป็นการหาอาหาร กานแบ่งปันเครื่องนุ่งห่มกันความหนาวหรือการดูแลความปลอดภัยซึุ่งกันและกัน
   เมื่อสองหมื่นปีที่แล้ว ดินแดนที่เรียกว่าสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันแตกต่างจากทุกวันนี้โดยสิ้นเชิง พื้นทีที่เป็นทะเลทรายในปัจจุบัน มีบางส่วนเคยเป็นป่าทึบ ที่ราบทุ่งหญ้าบางแห่งเคยเป็นทะเลสาปมาก่อน แผ่นน้ำแข็งยักษ์(Glacier)เคยปกคลุมไปทั่วดินแดนแคนาดาปัจจุบัน
      มีสัตว์โบราณหลายชนิดที่มีลักษณะคล้ายสัตว์ยุคปัจจุบันเช่น ตัวบีเวอร์ยักษ์ที่ตัวใหญ่ขนาดเท่าหมี ตัวแมมมอทยักษ์ทีมีลักษณะบางอย่างคล้ายช้างในยุคปัจจุบัน  แม้แต่อูฐยักษ์แห่งทวีปอเมริกา(American camel) ก็มีอยู่กระจายครอบคลุมไปทั่วพื้นทวีป น่าเสียดายที่สัตว์เหล่านี้ต่างก็สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
    นักประวัติศาสตร์คาดเดากันว่า สมัยนั้นทวีปอเมริกาและเอเชียเคยเป็นดินแดนติดกันเชื่อมต่อกันด้วยสันดอนแคบๆบริเวณช่องแคบแบริ่ง.. ช่องแคบแบริ่งตอนนั้นมีช่องทางน้ำแคบๆเป็นตัวกั้นแบ่งแยกสองทวีปออกจากกัน นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า น้ำทะเลในทะเลแบริ่งและทะเลชัคชี่(Chukchi)ตอนนั้นมีระดับต่ำกว่าปัจจุบันมาก มีพื้นดินบางส่วนที่เป็นสันดอนโผล่เหนือน้ำตอนน้ำลงเปรียบเหมือนเป็นสะพาน ทำให้สัตว์บางส่วนเคลื่อนย้ายอพยบจากทวีปเอเซียไปหากินที่ทวีปอเมริกาผ่านทางสะพานดินแห่งนี้ เมื่อสัตว์เดินผ่านได้ มนุษย์นักล่าจากไซบีเรียในทวีปเอเซียก็ย่อมทำได้เช่นกัน มนุษย์ยุคนั้นได้ตามแกะรอยสัตว์ที่พวกเขาตามล่าไปถึงทวีปอเมริกา

   ****จากสภาพความเป็นจริงที่สอดคล้อง ช่องแคบแบริ่งปัจจุบันมีความกว้างเพียง53 กิโลเมตรและมีความลึกประมาณ 30-50 เมตรเท่านั้น จึงเป็นไปได้ที่สองหมื่นปีที่แล้วแผ่นดินอเมริการและเอเชียจะเชื่อมต่อกัน อ้างอิง: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87




ช่องแคบแบริ่ง ส่วนกว้างที่สุด 50 กิโลเมตร ความลึกเฉลี่ย30-50เมตร
    

    ทั้งอะลาสก้าและแคนาดา มีอากาศที่อบอุ่นกว่า สัตว์ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียทางทวีปเอเซียจึงได้กระจายตัวลงมาทางใต้ไปทั่วตั้งแต่อะลาสก้าลงมา สัตว์เหล่านั้นได้เดินทางผ่านช่องทางแคบๆที่ไม่มีน้ำแข็งเกาะไปสู่พื้นที่ราบกว้างใหญ่ อาศัยกินหญ้าอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันเรียกว่าประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสัตว์เหล่านี้หยุดอพยพ มนุษย์นักล่าก็เลยลงหลักปักฐานล่าสัตว์อยู่ที่นี่ 
    ปัจจุบันระดับน้ำทะเลได้สูงขึ้นกว่าเดิมทำให้เส้นทางดังกล่าวได้จมหายไป สัตว์และมนุษย์เหล่านั้นจึงตกค้างเป็นสิ่งมีชีวิตประจำถิ่นของทวีปอเมริกาในเวลาต่อมา



ภาพจิตนาการมนุษย์ยุค40000 ก่อนปีค.ศ.


  อีกหลายปีต่อมานักล่าที่อยู่ในที่ราบใหญ่กลุ่มหนึ่ง ได้แยกตัวมุ่งหน้าไปยังที่ราบทางทิศตะวันตกในส่วนของเทือกเขาทางแปซิฟิค อีกส่วนก็มุ่งไปยังพื้นที่ที่มีป่าไม้ในที่ราบทางตะวันออกและที่ราบสูงอะปาลาเชี่ยน(Appalachian Highland)




สัตว์ พวกแมมมอท อูฐแห่งอเมริกาและบีเวอร์ยักษ์ ภาพตามจินตนาการ


     ภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนเมื่อ 6000 ปีที่แล้ว พืชพันธุ์หลายชนิดเริ่มสูญพันธุ์ สัตว์จำพวก บีเวอร์ยักษ์ แมมมอทและอูฐอเมริกันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับภาวะแวดล้อมใหม่ ต่างก็ล้มตายสูญพันธุ์ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามกลุ่มนักล่ากลับสามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้จากการเปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำการเพาะปลูกแทนการล่าสัตว์เป็นอาหารเพียงอย่างเดียว






       ในปี 1586 เมื่อคนจากฝั่งทวีปยุโรปได้สำรวจพบทวีปอเมริกาและทึกทักเอาว่านี่คือโลกใหม่ ชาวยุโรปจึงเริ่มอพยพมาอเมริกาและได้เห็นชาวพื้นเมืองที่มีผิวสีแดงและใบหน้าคล้ายคนเอเชีย จึงเข้าใจว่าเป็นคนอินเดียน ชาวยุโรปกลุ่มนั้นจึงเรียกชาวพื้นเมืองว่า คนอินเดียนแดง(The Red Indian)
   เมื่อคนจากเกาะอังกฤษกลุ่มแรกอพยพมาอยู่ในอเมริการที่เรียกว่านิวอิงแลนด์ ในเบื้องต้นชาวอเมริกันอินเดียนเจ้าถิ่นให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีในฐานะเจ้าบ้านสอนชาวยุโรปให้รู้จักเพาะปลูกข้าวโพด และมันฝรั่งเป็นอาหาร..อย่างไรก็ตามคนยุโรปกลุ่มแรกแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากชาวอินเดียนแต่ก็ต้องล้มตายลงเกือบครึ่ง.ในที่สุดฤดูหนาวแรกก็ผ่านไปด้วยดีชาวยุโรปกลุ่มนี้ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับชาวพื้นเมืองจนเป็นประเพณี Thanks giving day ติดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ 
   ตอนนั้นหากชาวอินเดียนรู้อนาคตว่าอะไรจะเกิดกับเผ่าพันธุ์ของตนก็คงจะปล่อยให้ชาวยุโรปจากเกาะอังกฤษกลุ่มนั้นอดหยากและหนาวตายกันจนหมดและอเมริกาคงมีรูปโฉมแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน(ยังมีต่อ)






วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Food banks ในอังกฤษ

 
Food bank คือสถานสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้ยากไร้ ที่มีให้เห็นได้ทั่วไปในเกาะอังกฤษ เกิดจากกลุ่มประชาชนที่กำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจได้บริจาคอาหารเพื่อปรุงหรือเพื่อบริโภคแก่ผู้ยากไร้
    หมายความว่าทุกวันนี้คนในอังกฤษได้ประสพกับภาวะรายได้น้อยจนไม่พอต่อการหาซื้ออาหารซึ่งเป็นการผิดปรกติมากที่ทุกวันนี้ทั้งประเทศมีชาวอังกฤษหันมาใช้บริการนี้ถึงวันละ 500,000 คนเลยที่เดียว









 การถือกำเหนิด Foodbanks ขึ้นในเกาะอังกฤษ



Foodbank หลังแรกที่ Salisbury ในปี 2000

   ที่จริงแล้ว Food bank ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ ปี 2000แล้ว แต่ที่เห็นเด่นชัดและกเิดการกระจายไปอย่างกว้างขวางก็ตอนแรงงานถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจปี2008 และต่อมารัฐบาลก็มีนโยบายตัดเงินสวัสดิการสังคมลงในปี2013 เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเพิ่มปัญหาให้กับผู้มีรายได้น้อยยิ่งขึ้น ส่วนการที่ราคาอาหารแพง ค่าไฟฟ้าที่ใช้กับฮีทเตอร์ในหน้าหนาวแพงขึ้น ทำให้ชาวบ้านเป็นหนี้กันถ้วนหน้า ซึ่งล้วนก็เป็นปัญหาที่ประดังมาพร้อมกันในขณะที่รายได้ยังเท่าเดิม





     มีประชาชนกว่า13ล้านคนทั่วเกาะอังกฤษที่ต้องใช้ชีวิตอย่างฝืดเคืองมีรายได้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดความยากจนของประชาชนในสหราชอาณาจักร ช่างเป็นไปได้กับประเทศที่เคยยิ่งใหญ่มั่งคั่งที่สุดในโลกในอดีตที่ต้องมาประสพปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักในปัจจุบัน


อังกฤษในอดีต


Trussell Trust  คือกองทุนการกุศลทางด้านอาหารเพื่อสังคมของอังกฤษที่มีนโยบายให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ยากไร้เพื่อหยุดยั้งความหิวโหยในช่วงวิกฤติ ขณะนี้มีการขยายสาขามากกว่า420แห่งทั่วประเทศและมีเป้าหมายจะมีให้ครบทุกเมือในอังกฤษ








มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี






สาขาของTrussell Trust  foodbanks ที่กระจายอยู่ทั่วเกาะอังกฤษ



The Trussell Trust
  ปัจจุบันมีคนในอังกฤษทำงานต่ำกว่าระดับมีอยู่เป็นจำนวนมาก ค่าอาหารและพลังงานมีราคาสูงขึ้นในขณะที่รายได้ยังคงเดิม ล้วนเป็นปัญหาทำให้คนมีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพจนทำให้เกิดมีศูนย์บริจาคอาหารฉุกเฉินหรือ Food bank ขึ้นมา




    ในปี 2013-2014 Food bankได้แจกจ่ายอาหารให้กับคนรายได้ต่ำทั่วประเทศ  ถึง 913,138คนในการนี้เป็นการช่วยเหลือเด็กถึง 330,205 คน


คนจนเข้าคิวรับอาหาร







 มีอะไรในกล่องยังชีพของfood bankบ้าง
 ในแต่ละกล่องยังชีพที่แจก จะประกอบด้วยอาหารที่บริโภคได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ 3วัน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่เก็บไว้ได้นานไม่เสียง่าย เช่น นมกล่อง เนยถั่ว น้ำตาลทราย ข้าว เส้นหมี่ น้ำผลไม้กล่อง ผักกระป๋อง และของใช้เช่น สบู่ ฟองน้ำ เป็นต้น


อาหารประเภทเก็บไว้ได้นาน



ภายในถุงยังชีพ











 ถ้าไม่มี Food bank ผมคงได้กลับไปนอนข้างถนนแล้ว




 Mark
 อาสาสมัครคนหนึ่งที่ทำงานให้กับ Plymouth foodbank กล่าวว่า ในอดีตเขาเป็นคนติดสุราและอาศัยอยู่ข้างถนนมาร่วม22ปี  เขามาได้ชีวิตใหม่อีกครั้งที่นี่
   แต่เริ่มเดิมทีเขามาที่นี่ในฐานะผู้เข้ามาขอสงเคราะห์อาหารเหมือนคนอื่นๆแต่ทุกวันนี้เขาได้ทำงานเป็นอาสาสมัครให้องค์กรการกุศลแห่งนี้โดยเขาทำงานสัปดาห์ละ4วัน

    "หากไม่มี Food bank ผมคงต้องกลับไปเร่ร่อนบนท้องถนนอีกเป็นแน่ ต้องเมาหยำเป ขโมยฉกฉวยอาหารกินไปตามประสา .. Food bank ได้ชุปชีวิตผมอีกครั้ง มันเป็นเหตผลที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง ผมชอบที่จะพูดคุยกับผู้คน ชงชาให้พวกเขาดื่ม เพื่อได้มีโอกาสได้ตอบแทนที่ Food bank ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม,"  Mark ยังได้กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า "มันเป็นมากไปกว่าการเป็นที่แจกอาหารยามฉุกเฉิน แต่มันเป็นที่ที่คุณจะมาได้ทุกเมื่อเพื่อพูดคุยและผูกมิตรกับคน มันเปลี่ยนจากคนนอนในถุงนอนไปสู่การมีที่อยู่ในอพาร์ตเมน์ ในก้าวต่อไป ผมต้องการจะมีงานทำเป็นหลักแหล่ง ผมซาบซึ้งกับ food bank มากที่ช่วยผมจากการที่ต้องนอนดูรายการโชว์ Jeremy Kyle โดยมีขวดน้ำหวานขนาด2ลิตรวางอยู่ข้างๆ... มันมอบความหวังใหม่และชีวิตที่ดีกว่าให้กับผม ผมอยากได้งานในที่ที่ผมจะได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นบ้าง food bankได้ทำเพื่อสังคมมากเหลือเกิน ทุกเมืองควรจะมีมันสักไว้แห่งนะครับ" Mark กล่าวทิ้งท้าย