วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

GERD กับ อาการ ไม่พึงประสงค์

    GERD หรือโรคยอดฮิต ในนามกรด"ไหลย้อน" ที่ใครก็มักจะถูกกระเซ้าว่าเป็นโรคทันสมัยตามยุค แต่ถ้าท่านเป็นกรดไหลย้อนชนิดรุนแรง ที่เรียกกันว่า SEVERE GERDแล้ว ท่านจะเลิกสนุกกับมันทันที
   
   ผมมีอาการไอขณะกำลังปั่นจักรยาน เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2557 เป็นอาการไอเหมือนจะเป็นหวัด ก็เลยไม่สนใจ หลังจากปั่นจักรยานระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ผมกินอาหารเช้าทันทีด้วยความหิว หลังจากอิ่มท้องด้วยอาหารสารพัดชนิด ก็เอนหลังนอนทันที นี่คือกิจวัตรที่ผมทำหลังจากการปั่นจักรยานตอนเช้าแต่ละครั้ง

    จากอาการไอห่างๆแห้งๆ ก็กลายเป็นอาการหวัดที่ไอถี่ขึ้น ผมไอจนเจ็บคอหรือที่เรียกกันว่าคออักเสป


   วันที่ 26 ก่อนปีใหม่ ที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่ มีการจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผมไปร่วมด้วย มีอาหารและเครื่องดื่มมากมายไว้บริการ ผมกินและดื่มเพียงเล็กน้อย เนื่องจากผมจะมีอาการไออยู่ตลอดเวลา 


   ตอนปีใหม่ ผมขึ้นไปกรุงเทพฯ อาการไอก็คงเป็นไปอย่างรุนแรง ผมกินยาสารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ไอ หรือยาแก้ร้อนใน กินเท่าไรก็ไม่หาย อาการป่วยมีแต่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างอยู่กรุงเทพ ก็ได้กินอาหารหนักๆประเภทเนื้อและแป้งและนอนดึกตลอด


      กลับจากกรุงเทพหลังจากที่สนุกบนความเจ็บป่วยอยู่หลายวัน ตอนกลางดึกคืนวันที่ 5 มกราคา 2558 ขณะอยู่บนรถทัวร์กลับภูเก็ต ผมมีอาการไออย่างหนัก พร้อมกับสำลักน้ำลายอย่างรุนแรง ระหว่างสำลัก ผมมีอาการหายใจไม่ออก ผมเริ่มใจคอไม่ดี นี่คงไม่ใช้หวัดธรรมดาแล้ว


     มาถึงภูเก็ต ได้ 2 วัน ผมก็ได้ไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลมิชชั่น หมอสงสัยว่าผมอาจจะเป็นโรคปอด แต่เมื่อได้ซักประวัติและได้ X -RAY ปอดดูแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ หมอจึงให้ยามากิน(มียาคลายเส้นแถมมาด้วย-กรรมจริงๆ)

     หลังจากกินยามาได้ 1 สัปดาห์ อาการป่วยกลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะไออย่างหนักแล้ว อาการท้องอืดเฟ้อ และมีอาการเรออย่างหนักตามมา นี่เป็นอาการของโรคกะเพาะด้วยหรือเปล่า


      ผมไปพบหมออีกครั้งกับหมออีกท่าน เที่ยวนี้หมอสันนิษฐานว่า ผมจะอาจจะเป็นกรดไหลย้อน หมอก็ให้ยามาทดลองกินอีก(หนูลองยาหรือเปล่าหนอ)

   สัปดาห์ผ่านไป อาการป่วยก็ยังไม่ดีขึ้น กินยาจนหมด เมื่อไม่หายก็เลยกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอก็ให้ยามาอีก 2 สัปดาห์ เที่ยวนี้น่าจะหายเสียที


      ที่ไหนได้ นอกจากไอจะไม่ลดลงแล้ว อาการสำลักกลับมีบ่อยขึ้นและหนักขึ้นโดยเฉพาะเวลา กลางคืน กินยาไม่ทันหมดผมก็รีบย้อนกลับไปหาหมออีกครั้ง
     เที่ยวนี้หมอเริ่มสงสัยว่า ผมไม่น่าจะเป็นกรดไหลย้อนธรรมดาเสียแล้ว ก็เลยนัดให้มากลืนแป้งแบเรี่ยม เพื่อ X- RAY ในอีกสัปดาห์ต่อมา

     ผมเตรียมตัวมาอย่างดี แต่อดหวั่นวิตกไม่ได้ว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงหรือเปล่า มาโรงพยาบาลคนเดียว เข้าพบแพทย์ตามเวลานัด ทำตามกระบวนการของแพทย์ทุกอย่าง กระบวนการไม่ยุ่งยากเหมือนที่คิด คุณหมอก็ใจดี แต่คำพูดบางประโยคของคุณหมอ ทำให้ผมใจแป้ว
    
        ผลการวินิจฉัยของรังสีเเพทย์ ผมมีปัญหา 2 อย่างคือ
1 เป็น SEVERE GERD
2 Early pneumonitisซึ่ง มีอาการต่อไปนี้
  •       Fever.เป็นไข้
  •       Chills.หนาวสั่น
  •       Coughing.ไอ
  •       Shortness of breath หายใจสั้น.
  •       Body aches, malaise. ปวดตามตัว/ป่วยกะเสาะกะแสะ

    เมื่อหมอเจ้าของไข้เห็นผลการวินิจฉัยจากรังสีแพทย์ ก็หยุดทำการรักษาแล้วทำใบส่งตัวไปดรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558

ยาที่ใช้รักษาที่ผ่านมา:

   ผมได้รับการรักษาโรคGERDด้วยยากลุ่ม โปรตอนปัมป์ หรือที่วงการยาเรียกว่า ยากลุ่ม PPIs ซึ่งเป็นยารักษาโรคกลดไหลย้อน และรักษาแผลในกะเพาะอาหารตลอดจนลำใส้ส่วนต้น คนส่วนใหญ่ที่ใช้ยานี้มักไม่พบอาการข้างเคียง...(Proton pump inhibitors (PPIs
reduce the mount of acid made by your stomach. They are commonly used to treat acid reflux and ulcers of the stomach and part of the gut called the duodenum. Most people who take a PPI do not develop any side-effects.(อันนี้ไม่ต้องสนใจมาก เป็นเรื่องของแพทย์และเภสัชการ แต่...ที่ผมนำมาเล่าก็เป็รแค่การอ้างอิงการรักษาของแพทย์ที่ทำการรักษาผม)

  แต่..ผมได้รับยาPPIs ในชื่อยา Omeprazole 20 mg. มา สาม

สัปดาห์ อาการผมไม่ดีขึ้น และมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นคือการสำลักตอน


กลางคืน หมอเลยเปลี่ยนยามาเป็น pantoprazole(controloc) 40 mg 


อาการผมดีขึ้นทันตา อาการสำลักน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด


 *****ข้อบ่งชี้อีกข้อที่น่ากังวล คือ ผมกำลังกินยาลดไขมันในเลือด(Simvastatin)ซึ่งจะมีผลร้ายต่อตับได้ (ออกจะลงลึกไปหน่อย แต่ผมอยากฝากไปถึง คนเป็น GERD ถ้ากำลัง ใช้ยาลดไขมัีนอยุ่ ก็ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ)
  1. http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=1114(อธิบายข้อบ่งชี้ได้ชัดเจนดี)
 โรงพยาบาลสงขลานครินทร์: 
  
     ผมประทับใจโรงพยาบาลสงขลานครินทร์(มอ.)คือ การจัดการ และ

 จำนวนหมอ หมอที่ ผมไปพบไม่ค่อยให้ความสำคัญกับฟิล์ม X RAY 

ที่ผมนำไปนัก สนใจแต่คำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อ ผลวินิจฉัยที่ว่าเป็น 

SEVERE GERD หมอก็ฟังและดูเฉยๆ 


    ไม่พูด ไม่เดาหรือคล้อยตามอะไรทั้งสิ้้น ดำเนินการให้ผมเข้ารับการ

ตรวจกะเพาะอาหารและลำใส้(ส่วนต้น) หลอด อาหาร ด้วยการส่องกล้อง

ในวันที่ 3 มีนาคม 2558 ว่ามันมีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า ส่วน อาการ

 Early Pneumonitis หรือที่ผมเดาว่าเป็นอาการปอดติดเชื้อ หรือมีน้ำ

เกินขนาดในเยื่อหุ้มปอดนั้นก็ว่ากันอีกที ในรอบหน้า

http://www.patient.co.uk/doctor/Pneumonitis.htmล


     Early pneumonitis (ปอดชื้น) :  จากตามผลวินิจฉัยเบื่้องต้น

จากร.พ.ที่ส่งตัวผมมา ว่าผมเป็น pneumonitis คุณหมอไม่เชื่อหรือไม่

สนใจก็ไม่รู้จัด X- RAYซ้ำ เพื่อดูสภาพปอด และเจาะเลือดอีกครั้ง

เพื่อวิเคราะห์อะไรบางอย่าง พร้อมซักประวัติเพิ่มเติมอย่างละเอียด 

และจากการดูสภาพปอดจาก ฟิล์มX RAY ก็พบว่าปอดดูปรกติดี แต่

ทำไมมันมีอาการป่วย คุณหมอ ก็เลยจัดเต็ม นัดส่งตัวไปตรวจ

 CT-Scan ในวันที่ 10 มีนาคม 2558




การรอดตายจาก มะเร็งระยะที่4

  



 เป็นที่แน่ชัดว่า มะเร็งเป็นโรคร้ายที่  อัตรารอดชีวิตต่ำ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อยู่กันด้วยความหวาดระแวง ตลอดเวลา ไม่อยากคิดและพูดถึง แต่มันอาจจะเยี่ยมเมื่อไรก็ได้ 

    คงไม่ต้องบรรยายประเภทและอาการเพราะเป็นที่รู้กัน แต่ขอเก็บเรื่องมาเล่า เพื่อให้กำลังใจ คนที่เป็นมะเร็ง  คนเรามีโอกาสเป็นมะเร็งได้ในบางคน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่อไปนี้

1 ความเสี่ยง จากการประพฤกติปฏิบัติ(อาหารการกิน/งานที่ทำ/
ความเครียด)
2 สภาพแวดดล้อมที่เป็นพิษ
3  พันธุกรรม ที่อ่อนไหว ต่อการเกิดมะเร็ง

    เงื่อนไข ทั้ง 3 ประการ เชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด
มะเร็ง คนส่วนใหญ่มักจะตรวจพบมะเร็ง เมื่อถึงระยะโรคลุกลามไป
แล้ว(ระยะ4) การตรวจพบมะเร็ง ดังกล่าวจะนำความทุกข์ ความสิ้น
หวังมาสู่ตัวผู้ป่วยและญาติ 

    ความสิ้นหวังท้อแท้จะทำให้อัตราการรอดชีวิตยิ่งต่ำลง การรักษาโดยทั่วไป เราจะคิดถึงแต่ เรื่องการใช้เคมีบำบัด(คีโม) หรือการฉายแสง(ฉายรังสี) ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาล้วนแต่น่าผิดหวังทั้งสิ้น แต่จะทำอย่างไรได้ วงการแพทย์สมัยใหม่ แม้จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่า สาเหตุที่แท้จริงของ

มะเร็ง ว่า มันเกิดจากอะไรกันแน่

    ลองมาดูทางเลือกและตัวอย่างของผู้ที่อยู่รอดมาได้ หลังจากตรวจ
พบมะเร็งแล้วกันบ้าง

http://www.cancercenter.com/community/survivors/george-rader/
 ลิงค์ กล่าวถึง บุคคลที่รอดชีวิตจากการเป็นมะเร็ง ระยะ 4 มาแล้ว

http://www.jamrat.net/jamrathealth.aspx?blogid=1242 ธรรมชาติบำบัด

           

Jane Elterman:มะเร็งปอด



Overview
·        Cancer: Stage IV lung cancer ระยะที่4
·        Diagnosed: 2008 ตรวจพบเมื่อ ปี 2551
·        Treatments received:
§  Chemotherapy ให้คีโม
§  Radiation therapy (TomotherapyCyberknife) ฉายรังสี
·        Treatment at: CTCA at Southwestern Regional Medical Center
·        Care team: ผู้ให้การรักษา
·        Milestones:
After completing treatment in January of 2012, the cancer was stabilized. When the tumors appeared to be growing a year later, additional treatment halted their progression. 

   เมื่ออายุ49ปี Jane มีอาการเจ็บที่คอระหว่างกินอาหารมื้อกลางวัน 
เธอจึงไปตรวจกับหมอประจำตัวในละแวกบ้าน หลังจากการการตรวจ
หมอได้ส่งเธอไปตรวจ MRI เธอได้นำแผ่นบันทึกผลการตรวจกลับไป
พบหมออีกครั้ง เธอรู้ทันทีว่า มีสิ่งผิดปรกติเกิดกับตัวเธอแล้ว เมื่อ
หมอได้ดูผลการตรวจ MRIจากภาพถ่าย มันมีลักษณะของมะเร็งเต็ม
ไปหมดทีปอด ต่อมน้ำเหลืองและเส้นเลือด

  เธอรีบไปโรงพยาบาลทันที และเข้ารับการผ่าตัดในเช้าวันต่อมา มีการให้เคมีบำบัด อาการเธอแย่มาก ต้องสอดสายเพื่อระบายของเหลว
ออกมาถึง 3 ควอท(เกือบ3ลิตร)

   โดยภูมหลัง สามีคนแรกของ เจน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อเธออายุได้ 36 ปี เธอรู้สึกเสียใจอยู่เสมอที่ไม่ได้ค้นหาทางเลือกในการรักษาสามีเธอ

  ดังนั้น ระหว่างการักษาของเธอ เธอได้เก็บบันทึกการรักษาทุกอย่างไว้ และส่งมันไปให้ แพทย์ คนอื่น ช่วยร่วมวินิจฉัย

    ในฤดูใบไม้ผลิ ปี2009 ทีเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เนื่องจากการการให้เคมีบำบัดจะได้ผลดีแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ต่อมาเนื้องอกมันก็เติบโตขึ้นมาใหม่ 
    
   ผลจากการให้เคมีบำบัด ส่งผลให้เส้นประสาทที่มือและเท้าของเธอถูกทำลายไปมาก เธอตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาลอื่นและเข้ารับการผ่าตัดด้วยเครื่องรังสีศัลยกรรม  (CyberKnife surgery)

CyberKnife surgery

 ผลการรักษา ก้อนเนื้อเล็กลง แต่ ใน 2-3เดือนต่อมา เนื้องอกก็ผุดขึ้น

มาอีก มาถึงจุดนี้ เธอก็เลยตัดสินใจ ไป ศูนย์รักษามะเร็งที่ CTCA 

(Cancer Treatment Centers of America)
     หลานสาวเธอได้ให้ข้อมูลการรักษาที่ผ่านมาอย่างละเอียด กับ 
Dr. Jaggernauth ซึ่งเขาเห็นด้วยกับ ผู้ที่ ให้การบำบัดที่ผ่านมา ว่าไม่มี
หนทางในการรักษาสำหรับอาการที่เป็นอยู่ของเธอ แต่เขาได้บอกกับ
เธอว่า เขารู้สึกมั่นใจว่า สามารถรักษาได้ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ก็เป็นความ
หวังเล็กๆให้เธอคิดที่จะสู้ต่อและที่สำคัญ มันคือกำลังใจและความ
หวังที่เธอต้องการ

  ที่ CTCA เธอได้รับเคมีบำบัด และรับการผ่าตัดด้วยเครื่องรังสีศัลยกรรม(CyberKnife surgery) ก่อนการบำบัดแต่ละครั้ง หมอก็ได้แจ้งและอธิบายถึงอาการข้างเคียงที่จะได้รับ (เธอเคยเห็นสามีคนแรกของเธอทนทุกข์ทรมานจากการบำบัดโรคมะเร็ง) เธอพบว่ามันช่วยได้มากที่จะได้รับรู้และมีความคาดหวังสิ่งที่จะได้รับ นอกจากนี้เธอได้รับการแนะนำให้เปลี่ยนวิถีของอาหาร รวมทั้งได้รับการบำบัดอาการชาที่มือและเท้าของเธอดีขึ้น เธอรู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเองกับทีมรักษา ทุกคนรู้จักชื่อของเธอ ประจวบกับการมีห้องส่วนตัวช่วยให้เธอมีความสะดวกสะบายเพิ่มขึ้น

   ระหว่างการบำบัด เธอพักที่ CTCA ถึง 7 สัปดาห์ เป็นคาบเวลาของการผ่านฤดูพักผ่อน(Holiday) ช่างเป็นเวลาที่ยุ่งยากสุด แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ จากการได้รับบำลังใจจากครอบครัวและความช่วยเหลือจากทุกคน


  ชีวิตใหม่

    ตอนตรวจพบมะเร็ง หลานสาวของเธอกำลังจะมีลูกคนแรก (เธอแทบจะหมดหวังที่จะได้เห็นหน้าทารกที่อยู่ในครรภ์) แต่อีก5ปีต่อมาเธอก็ได้เห็นเด็กคนนี้เข้าอนุบาล เธอมีโอกาสได้เห็นสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นในครอบครัว ทำให้เธอรู้สึกดีมาก 

     ปัจจุบันเธออยู่อย่างมีความสุขกับสามี(คนที่2) และคอยให้กำลังใจผู้ป่วยในการต่อสู้กับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ตอนนี้ เวลาผ่านไป6ปีแล้วนับแต่การตรวจพบมะเร็งครั้งแรก เธอยังก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะการได้รับกำลังใจจากครอบครัวและได้การรับการรักษาที่ดี



   ข้อคิดจากผู้อยู่รอดจากมะเร็งระยะ4 อีกท่าน





Phillip วัย66 มะเร็งระยะ4 ยังอยู่รอดจนทุกวันนี้

My message

My message to anyone with cancer, especially with advanced lung cancer, is: Don’t let anyone tell you how long you have to live. The truth is no one really knows. You have to believe it’s not the end.
I encourage anyone who has cancer to listen to what the doctors at CTCA have to say.
Since my diagnosis, I have seen my daughter graduate from junior college. I made it to 66 years old, and I’m looking forward to 67.

   " ผมขอส่งสาส์นไปถึงผู้เป็นมะเร็งทุกคน โดยเฉพาะ
ผู้ที่เป็นมะเร็งปอดว่า จงอย่าให้ใครมาบอกกับคุณว่า 
 คุณจะอยู่ได้นานเท่าไร ความจริงก็คือ ไม่มีใครรู้จริง
สักคน คุณต้องเชื่อว่า นี่มันไม่ใช่จุดจบ "

    Phillipให้กำลังใจกับผู้ป่วยทุกคน เขาบอกว่า นับตั้งแต่ตรวจพบ
มะเร็งครั้งแรก(อายุ 63 ) เมื่อหลายปีมาแล้ว เขาก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้       การมีชีวิตจนถึงวันนี้ ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นลูกสาวจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และเขาได้ต่อสู้กับมันจนอายุ 66 ปีเข้าไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังวางแผนตั้งหน้าตั้งตารอ เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ67ปี ในอีกไม่นานในวันข้างหน้า