วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การรอดตายจาก มะเร็งระยะที่4

  



 เป็นที่แน่ชัดว่า มะเร็งเป็นโรคร้ายที่  อัตรารอดชีวิตต่ำ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อยู่กันด้วยความหวาดระแวง ตลอดเวลา ไม่อยากคิดและพูดถึง แต่มันอาจจะเยี่ยมเมื่อไรก็ได้ 

    คงไม่ต้องบรรยายประเภทและอาการเพราะเป็นที่รู้กัน แต่ขอเก็บเรื่องมาเล่า เพื่อให้กำลังใจ คนที่เป็นมะเร็ง  คนเรามีโอกาสเป็นมะเร็งได้ในบางคน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่อไปนี้

1 ความเสี่ยง จากการประพฤกติปฏิบัติ(อาหารการกิน/งานที่ทำ/
ความเครียด)
2 สภาพแวดดล้อมที่เป็นพิษ
3  พันธุกรรม ที่อ่อนไหว ต่อการเกิดมะเร็ง

    เงื่อนไข ทั้ง 3 ประการ เชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด
มะเร็ง คนส่วนใหญ่มักจะตรวจพบมะเร็ง เมื่อถึงระยะโรคลุกลามไป
แล้ว(ระยะ4) การตรวจพบมะเร็ง ดังกล่าวจะนำความทุกข์ ความสิ้น
หวังมาสู่ตัวผู้ป่วยและญาติ 

    ความสิ้นหวังท้อแท้จะทำให้อัตราการรอดชีวิตยิ่งต่ำลง การรักษาโดยทั่วไป เราจะคิดถึงแต่ เรื่องการใช้เคมีบำบัด(คีโม) หรือการฉายแสง(ฉายรังสี) ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาล้วนแต่น่าผิดหวังทั้งสิ้น แต่จะทำอย่างไรได้ วงการแพทย์สมัยใหม่ แม้จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่า สาเหตุที่แท้จริงของ

มะเร็ง ว่า มันเกิดจากอะไรกันแน่

    ลองมาดูทางเลือกและตัวอย่างของผู้ที่อยู่รอดมาได้ หลังจากตรวจ
พบมะเร็งแล้วกันบ้าง

http://www.cancercenter.com/community/survivors/george-rader/
 ลิงค์ กล่าวถึง บุคคลที่รอดชีวิตจากการเป็นมะเร็ง ระยะ 4 มาแล้ว

http://www.jamrat.net/jamrathealth.aspx?blogid=1242 ธรรมชาติบำบัด

           

Jane Elterman:มะเร็งปอด



Overview
·        Cancer: Stage IV lung cancer ระยะที่4
·        Diagnosed: 2008 ตรวจพบเมื่อ ปี 2551
·        Treatments received:
§  Chemotherapy ให้คีโม
§  Radiation therapy (TomotherapyCyberknife) ฉายรังสี
·        Treatment at: CTCA at Southwestern Regional Medical Center
·        Care team: ผู้ให้การรักษา
·        Milestones:
After completing treatment in January of 2012, the cancer was stabilized. When the tumors appeared to be growing a year later, additional treatment halted their progression. 

   เมื่ออายุ49ปี Jane มีอาการเจ็บที่คอระหว่างกินอาหารมื้อกลางวัน 
เธอจึงไปตรวจกับหมอประจำตัวในละแวกบ้าน หลังจากการการตรวจ
หมอได้ส่งเธอไปตรวจ MRI เธอได้นำแผ่นบันทึกผลการตรวจกลับไป
พบหมออีกครั้ง เธอรู้ทันทีว่า มีสิ่งผิดปรกติเกิดกับตัวเธอแล้ว เมื่อ
หมอได้ดูผลการตรวจ MRIจากภาพถ่าย มันมีลักษณะของมะเร็งเต็ม
ไปหมดทีปอด ต่อมน้ำเหลืองและเส้นเลือด

  เธอรีบไปโรงพยาบาลทันที และเข้ารับการผ่าตัดในเช้าวันต่อมา มีการให้เคมีบำบัด อาการเธอแย่มาก ต้องสอดสายเพื่อระบายของเหลว
ออกมาถึง 3 ควอท(เกือบ3ลิตร)

   โดยภูมหลัง สามีคนแรกของ เจน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อเธออายุได้ 36 ปี เธอรู้สึกเสียใจอยู่เสมอที่ไม่ได้ค้นหาทางเลือกในการรักษาสามีเธอ

  ดังนั้น ระหว่างการักษาของเธอ เธอได้เก็บบันทึกการรักษาทุกอย่างไว้ และส่งมันไปให้ แพทย์ คนอื่น ช่วยร่วมวินิจฉัย

    ในฤดูใบไม้ผลิ ปี2009 ทีเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เนื่องจากการการให้เคมีบำบัดจะได้ผลดีแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ต่อมาเนื้องอกมันก็เติบโตขึ้นมาใหม่ 
    
   ผลจากการให้เคมีบำบัด ส่งผลให้เส้นประสาทที่มือและเท้าของเธอถูกทำลายไปมาก เธอตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาลอื่นและเข้ารับการผ่าตัดด้วยเครื่องรังสีศัลยกรรม  (CyberKnife surgery)

CyberKnife surgery

 ผลการรักษา ก้อนเนื้อเล็กลง แต่ ใน 2-3เดือนต่อมา เนื้องอกก็ผุดขึ้น

มาอีก มาถึงจุดนี้ เธอก็เลยตัดสินใจ ไป ศูนย์รักษามะเร็งที่ CTCA 

(Cancer Treatment Centers of America)
     หลานสาวเธอได้ให้ข้อมูลการรักษาที่ผ่านมาอย่างละเอียด กับ 
Dr. Jaggernauth ซึ่งเขาเห็นด้วยกับ ผู้ที่ ให้การบำบัดที่ผ่านมา ว่าไม่มี
หนทางในการรักษาสำหรับอาการที่เป็นอยู่ของเธอ แต่เขาได้บอกกับ
เธอว่า เขารู้สึกมั่นใจว่า สามารถรักษาได้ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ก็เป็นความ
หวังเล็กๆให้เธอคิดที่จะสู้ต่อและที่สำคัญ มันคือกำลังใจและความ
หวังที่เธอต้องการ

  ที่ CTCA เธอได้รับเคมีบำบัด และรับการผ่าตัดด้วยเครื่องรังสีศัลยกรรม(CyberKnife surgery) ก่อนการบำบัดแต่ละครั้ง หมอก็ได้แจ้งและอธิบายถึงอาการข้างเคียงที่จะได้รับ (เธอเคยเห็นสามีคนแรกของเธอทนทุกข์ทรมานจากการบำบัดโรคมะเร็ง) เธอพบว่ามันช่วยได้มากที่จะได้รับรู้และมีความคาดหวังสิ่งที่จะได้รับ นอกจากนี้เธอได้รับการแนะนำให้เปลี่ยนวิถีของอาหาร รวมทั้งได้รับการบำบัดอาการชาที่มือและเท้าของเธอดีขึ้น เธอรู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเองกับทีมรักษา ทุกคนรู้จักชื่อของเธอ ประจวบกับการมีห้องส่วนตัวช่วยให้เธอมีความสะดวกสะบายเพิ่มขึ้น

   ระหว่างการบำบัด เธอพักที่ CTCA ถึง 7 สัปดาห์ เป็นคาบเวลาของการผ่านฤดูพักผ่อน(Holiday) ช่างเป็นเวลาที่ยุ่งยากสุด แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ จากการได้รับบำลังใจจากครอบครัวและความช่วยเหลือจากทุกคน


  ชีวิตใหม่

    ตอนตรวจพบมะเร็ง หลานสาวของเธอกำลังจะมีลูกคนแรก (เธอแทบจะหมดหวังที่จะได้เห็นหน้าทารกที่อยู่ในครรภ์) แต่อีก5ปีต่อมาเธอก็ได้เห็นเด็กคนนี้เข้าอนุบาล เธอมีโอกาสได้เห็นสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นในครอบครัว ทำให้เธอรู้สึกดีมาก 

     ปัจจุบันเธออยู่อย่างมีความสุขกับสามี(คนที่2) และคอยให้กำลังใจผู้ป่วยในการต่อสู้กับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ตอนนี้ เวลาผ่านไป6ปีแล้วนับแต่การตรวจพบมะเร็งครั้งแรก เธอยังก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะการได้รับกำลังใจจากครอบครัวและได้การรับการรักษาที่ดี



   ข้อคิดจากผู้อยู่รอดจากมะเร็งระยะ4 อีกท่าน





Phillip วัย66 มะเร็งระยะ4 ยังอยู่รอดจนทุกวันนี้

My message

My message to anyone with cancer, especially with advanced lung cancer, is: Don’t let anyone tell you how long you have to live. The truth is no one really knows. You have to believe it’s not the end.
I encourage anyone who has cancer to listen to what the doctors at CTCA have to say.
Since my diagnosis, I have seen my daughter graduate from junior college. I made it to 66 years old, and I’m looking forward to 67.

   " ผมขอส่งสาส์นไปถึงผู้เป็นมะเร็งทุกคน โดยเฉพาะ
ผู้ที่เป็นมะเร็งปอดว่า จงอย่าให้ใครมาบอกกับคุณว่า 
 คุณจะอยู่ได้นานเท่าไร ความจริงก็คือ ไม่มีใครรู้จริง
สักคน คุณต้องเชื่อว่า นี่มันไม่ใช่จุดจบ "

    Phillipให้กำลังใจกับผู้ป่วยทุกคน เขาบอกว่า นับตั้งแต่ตรวจพบ
มะเร็งครั้งแรก(อายุ 63 ) เมื่อหลายปีมาแล้ว เขาก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้       การมีชีวิตจนถึงวันนี้ ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นลูกสาวจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และเขาได้ต่อสู้กับมันจนอายุ 66 ปีเข้าไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังวางแผนตั้งหน้าตั้งตารอ เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ67ปี ในอีกไม่นานในวันข้างหน้า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น