ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 ปีนี้ ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม 2558 เป็นวันเริ่มเทศกาลกินเจที่จังหวัดภูเก็ต (หลังประเพณีเดือนสิบของคนไทยในภาคใต้ 1 วันของทุกปี) คนส่วนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตจะเข้าร่วมพิธีกินเจในเทศกาลกินผัก(ที่จัดขึ้นทุกปี)เป็นเวลา9วัน ไม่ว่าจะด้วยความศรัทธาหรือเพื่อความสะดวกในการหาอาหารใส้ท้อง ก้ต้องกินเจกันโดยปริยายเพราะในช่วงเวลานี้ ร้านอาหารทั่วไปปรกติจะปิดร้านกันหมดส่วนที่เหลือจะหันมาทำอาหารเจจำหน่ายกันอย่างครึกครื้น
ปีนี้ราคาผักในตลาดแพงมากสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศแต่ประชาชนก็ยังเข้าร่วมพิธีกันทั้งเมือง ส่วนผู้เขียนไม่ได้เข้าร่วมพิธีเป็นทางการแต่ก็กินอาหารเจอย่างไม่ขาดตกบกพร่องด้วยภาระจำยอม หนึ่งปีหนึ่งหนถือเป็นการพักท้องพักกะเพาะจากการต้องย่อยเนื้อและไขมันสัตว์สักระยะ ผลที่ได้โดยตรงคือ น้ำหนักจะลดเพราะอาหารที่กินเข้าไปมีปริมาณน้อยลงและยังย่อยง่าย
การจัดการด้านอาหารการกินแยกเป็น3กลุ่มคือ กลุ่มที่ปรุงอาหารกินเองที่บ้าน กลุ่มที่ไปหิ้วปิ่นโตจากศาลเจ้าและกลุ่มสุดท้ายที่เริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นคือการไปกินอาหารเจที่ศาลเจ้ากันอย่างสมถะแบบถ้อยทีถ้อยอาศรัย โดยเฉพาะที่ศาลเจ้าสะพานหิน มีอาหารให้บริการถึงวันละ4รอบ กินกันแบบแบ่งปันช่วยกันล้างจานด้วยตัวเองไม่มีอาหารเปิบพิศดารแต่มีอาหารเพียงพอไว้คอยบริการทุกคนที่แวะมา
วันที่ 21 ตุลาคม 2558(ขึ้น9ค่ำ เดือน11) จะเป็นวันกินผักวันสุดท้าย โดยศาลเจ้าที่จะแห่ขบวนชมเมืองเป็นขบวนสุดท้ายของปีคือศาลเจ้าหล่อโรงซึ่งก็เป็นขบวนที่ไม่ใหญ่นักจึงไม่เป็นปัญหากับการจราจรเหมือนกับ2-3วันที่ผ่านมา ส่วนช่วงกลางคืนนับแต่ 21.00น เป็นต้นไป บนท้องถนนก็จะครึกครึ้นกันอีกครั้งด้วยขบวนแห่ทำพิธีส่งพระที่ปลายแหลมสะพานหินโดยจะทำพิธีปิดเทสกาลเจประจำปีที่นั่น
9 วันกับกระบวนการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตช่วยยืออายุสัตว์ออกไป9วัน แต่ตั้งแต่คืนนี้จะเป็นการฆ่าเพื่อเป็นอาหารจะเพิ่มเป็นทวีคูณ สำหรับคำแนะนำต่อผู้ต้องการสร้างบารมีโดยการลดละการสนับสนุนการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและเพื่อการรักษาสุขภาพก็อยากเสนอแนะว่า หลังจากที่คุ้นเคยต่อการกินเจมาแล้ว9วัน ก็น่าจะลองละอาหารประเภทเนื้อต่อออกไปอีกสักสามวันเพื่อการทดสอบกำลังใจของตัวเอง ในการลดละการรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นที่รู้กันว่าจะเป็นประโยชน์กับสุขภาพ เมื่อลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลงได้(ไม่จำเป็นต้องหยุดโดยเด็ดขาด)แล้วอย่าลืมออกกำลังกายด้วยจะเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพพลานามัยของตัวเองและยังช่วยลดภาระงบประมาณด้านสาธารณะสุขของรัฐบาลไปในตัวอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น