วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใครไม่เคยป่วย เชิญทางนี้หน่อย

   
20/3/2015

 กฏข้อเดียว อย่าประมาท กับ ความเจ็บป่วย

       แม้คุณจะคิดว่าตัวเองแข็งแรง แต่เชื่อเถอะ วันหนึ่ง ความเจ็บป่วยจะแวะมาเยี่ยมคุณโดยไม่บอกกล่าว นอกจากคุณจะได้เชิญให้มันมาแล้ว มันยังดื้อด้านไม่รอคำเชิญของคุณเสียด้วย

   สำหรับผม ก็เริ่มรู้จักนายป่วยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อ เกือบ 3 เดือนที่แล้ว  อาการที่เป็นมาทำให้ผมต้องหันมาทบทวนกระบวนการดำเนินชีวิตกันใหม่ทั้งหมด จากการออกกำลังกายที่ไม่มีแบบแผน การกินที่ไม่คำนึงถึงคุณภาพ การไม่ควบคุมอารมณ์และสติ พาให้กระบวนการดำรงชีวิตผิดเพี้ยนไปหมด

   ผมกำลังเป็นโรคยอดฮิตที่ค่อนข้างจะรุนแรง ซึ่งโดยทั่วไป โรคที่เรารู้จักในปัจจุบันมักไม่หนีไปจาก

      โรคความดันโลหิตสูง
      เบาหวาน
      โรคประสาท
      โรคกรดไหลย้อน(GERD-โรคยอดฮิต)
      มะเร็ง
      โรคจิตเภท

     โรคชุดแรกที่เป็นกันมากได้แก่โรคความดันโลหิตสูงซึ่งคนส่วนใหญ่วัยทำงาน(นั่งโต๊ะ)เป็นกันเป็นส่วนใหญ่ ตัวผมเอง แม้จะออกกำลังกายมาตลอดแต่จะเต็มไปด้วยความเครียด ผมจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงโรคนี้ไปได้ ผมต้องกินยาควบคุมความดันลอดชีวิต   ส่วนโรคเบาหวานที่สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธ์ อันนี้ผมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปรกติและกำลังเจรจาต่อรองให้มันอยู่ห่างผมไว้ และอยู่ในความระมัดระวังตลอดเวลา การเป็นความดันโลหิตสูง ก็จะเป็นที่มาของ โรคเบาหวาน ผมก็ได้แต่ประวิงเวลาให้มันเข้ามาหาผมให้ช้าที่สุด

  ส่วนโรคประสาท ผมยอมรับเป็นมานานแล้วว่าเป็น(มากเสียด้วย) ไม่ขอปฏิเสธแต่กำลัง ระวังตัวเอง ไม่ให้ข้ามขั้นไปเป็นโรคจิตเภทก็เท่านั้น


    กรดไหลย้อน (โรคกระจอกยอดฮิต )

    ผมเคยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2555 แต่เป็นอาการแค่เด็กๆ คือ อาการปวดแสบในทรวงอก กลืนอาหารลำบาก แน่นท้อง ใช้เวลารักษาไม่เกิน 2 สัปดาห์ อาการก็ดีขึ้น ที่ผมเรียกเป็นโรคกระจอกก็เพราะ เป็นแค่โรครำคาญใครๆก็ชอบอ้างว่าเป็น รักษาง่าย เป็นแล้ว(นึกเอาเองว่าโก้หรูใครไม่เป็นก็เชยแหลก) ผมก็เช่นกัน เจ้าโรคกระจอกนี้ ได้หายไปจากชีวิตผมอย่างง่ายๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

  ด้วยกิจวัตรที่เร่งรีบ การกินอาหารไม่เป็นเวลา ประจวบกับระยะหลัง สุขภาพของผมอ่อนแอลงไปมาก ไม่ได้ออกกำลังกายติดต่อกันร่วม 3 ปี สุขภาพแย่ลง ป่วยบ่อยและใช้เวลารักษานานขึ้น ผมจึงต้องเจียมตัวหันมาออกกำลังกายโดยการขี่จักรยานสัปดาห์ละ 2 วัน ตามเวาลาที่อำนวย(เสาร์อาทิตย์)

  ต้องตื่นประมาณตีห้า(ยังง่วงแต่ปลุกตัวเองด้วยการอาบน้ำ) ไปขี่จักรยานด้วยความทรมาน(ไม่สดชื่น) หลังจากใช้เวลา ปั่นจักรยาน ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ผมกินอาหารหนักทันที(หิวมากหลังจากปั่นมาเกินกว่า 30 กิโลเมตร ) เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ สักพักก็เอนหลังด้วยความง่วงและเหนื่อย

   ผมปฏิบัติตัวเช่นนี้มาได้ร่วม 3 เดือน จนกระทั่งปลายเดือน ธันวาคม 2557 อาการหวัดแปลกๆก็มาเยือนผม มีอาการไอแห้งไม่มีเสมหะไอตลอดเวลา ตอนแรกก็คิดว่าเป็นหวัดธรรมดา ซึ่งอาการเหล่านี้ควรจะหายไปเองภายในสัปดาห์ แต่ครั้งนี้มันไม่ยอมจากไปง่ายๆ มีแต่อาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ

   ผมสังเกตุดูแล้วระหว่างการออกกำลังกาย (ไม่ว่าโดยวิธิไหน) อาการไอของผมจะทุเลาลง โดยเฉพาะในวันที่ 26 ธันวาคม 2557 บริษัทที่ผมทำงานอยู่ได้จัดงานฉลองปีใหม่ให้พนักงาน ผมไปร่วมงานด้วย แต่ผมก็ไอหนักจนน่ารังเกียจ ผมเกรงไปว่า อาการไอจะสร้างความรำคาญ(กลัวโรคติดต่อ)ให้เพื่อนร่วมงาน ผมจึงนั่งห่างๆไม่ปะปนกับใคร แต่พอนึกขึ้นได้ว่า อาการไอของผมจะทุเลา เมื่อผมออกกำลังกาย

    ดังนั้นผมจึงลองออกไปยืดเส้นยืดสาย(ดิ้นแบบสมัยหนุ่มๆ)กับเพื่อนร่วมงานรุ่นลูก(ดูเป็นที่ขบขัน ต่างก็เตรียมยาดมเผื่อว่าผมจะเป็นลมกลางวง) แปลกแต่จริง เมื่อเหงื่อเริ่มออก ผมหายไอและหายใจคล่องขึ้นมาทันที  ผมจึงต้องเต้นเป็นการทดแทนออกกำลังกายจนงานเลิก คืนนั้นผมหลับสบายแต่ก็มีไอเป็นระยะตลอดทั้งคืน

     ก่อนสิ้นปี ผมนั้งรถเข้ากรุงเทพ ระหว่างการเดินทาง ผมไอตลอด สร้างความรังเกียจให้กับเพื่อนร่วมทางเป็นอย่างยิ่ง ผมมาถึงกรุงเทพอย่างทุลักทุเล เหนื่อยและเพลียจากการไม่ได้นอนทั้งคืน

      ผมยังไม่รู้ตัวว่าผมจะเจ็บป่วย จึงไปซื้อยามากิน แต่อาการไอก็ไม่ทุเลา ว่าจะลองแวะหาหมอตามคลีนิค แต่ก็ละเลยเมื่อเห็นแต่ละคลีนิคเต็มไปด้วยคนป่วยรับปีใหม่ ไปกรุงเทพฯครั้งนี่ไม่สนุกเลย เพราะทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย

      นึกไม่ถึงว่า การไปกรุงเทพฯครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำว่า ผมกำลังป่วยมากกว่าที่เคยคิด หลังจากกลับจากกรุงเทพฯ ผมต้องไปๆมาๆ ที่โรงพยาบาลร่วม 2 เดือน 

   อาการป่วยเริ่มส่อเค้าเรื้อรังไม่บรรเทา จนแพทย์ที่ให้การรักษาตัดสินใจตรวจด้วยรังสี(พร้อมกลืนแป้ง) ผลการวินิฉัย รุนแรงกว่าที่คิด แพทย์ตัดสินใจส่งตัวผมไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา 

    เมื่อมาพบแพทย์ที่โรงพยบาลสงขลานครินทร์ผลการวินิจฉัยที่โรงพยาบาลเก่า แทบไม่มีความหมายต่อการวินิจฉัยที่โรงพยบาลสงขลานครินท์  ต้องเข้ารับการตรวจส่องกล้องดูเนื้องอกในกะเพาะอาหารและหลอดอาหารส่วนต้น เพื่อตัดสาเหตุที่ ไม่ใช่ ออกไป และต้องตรวจหาความผิดปรกติของปอด 

     จากการที่ผมถูกสันนิษฐานว่า มีอาการ early pneumonitis หรือปอดอักเสบระยะเริ่มต้น(จากโรงพยบาลแรก) ซึ่ง สาเหตุของโรคนี้ น่าจะมาจากการสำลักกรดที่ทะลักขึ้นมาที่หลอดลมแล้วสำลักเข้าไปในปอด 
     อาการผมแย่มาก หายใจไม่ออกบ่อยๆ จนอดนึกถึงความตายขึ้นไม่ได้

Causes of pneumonitis include: สาเหตุของปอดอักเสพ 
  • Pneumonia. การเป็นนิวโมเนีย หรือปอดบวม
  • Inhalation of foreign matter, usually of stomach contents when vomiting (aspiration pneumonitis).
  • Pertussis. ไอกรน
  • Exposure to an inhaled allergen (hypersensitivity pneumonitis), eg humidifier lung,farmer's lung, bird fancier's lung.
  • Systemic lupus erythematosus.
  • Adverse reaction to a drug or toxic chemical; many household and industrial chemicals can cause acute and chronic pneumonitis:
    • Exposure to dangerous levels of chlorine gas may occur at home when using cleaning materials, in industrial accidents or when near to swimming pools.
    • Inhalation of dangerous substances can occur during smelting, welding or other metalwork, in the production or use of solvents or pesticides, fires and when handling grain.
    • Medication: a variety of medications can cause interstitial pneumonitis, eg interferon therapy, amiodarone, nitrofurantoin.
  • Radiation therapy.[1]
  • Sepsis: the body's inflammatory response to infection.
  • Any other cause of acute, subacute or chronic respiratory distress or cough - for example:
   credit: http://www.patient.co.uk/doctor/Pneumonitis.htm

    CT  Scan  คือแนวทางพิสูจน์หาข้อบ่งชี้ เพื่อตัดเงื่อนไขของมะเร็งให้มันหายสงสัยและออกไปจากสมองไปเลย โดยผมต้องยอมเสี่ยงกับอันตรายจากความเข้มของรังสีที่เพิ่มจากX RAY ปรกติถึง 1000 เท่า

    เอาไงก็เอากัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดให้หายสงสัยไปเลย ดีกว่ามานั่งทรมานและเครียดกับอาการเจ็บป่วยไปวันๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น