วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

เล่าเรื่อง.......บุกตะวันตก Go West



GO WEST บุกตะวันตก

     ในยุคต้น ปี ค.ศ. 1800 แผ่นดินฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เริ่มคับคั่งไปดวยผู้คน จำนวนที่ดินมีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้คนที่ขยายตัวอย่างรวดอเร็ว ด้วยทรัพยากรที่จำกัด วิถีชีวิตที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่มีอาชีพทำกสิกรรมและเลี้ยงสัตว์ เริ่มมีปัญหา เมื่อบ้านเมืองเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ที่ดินที่มีอยู่ล้วนแต่มีเจ้าของครอบครองและใช้ประโยชน์แล้วทั้งสิ้น อเมริกาฝั่งตะวันออกไม่ได้เป็นที่กว้างใหญ่ไพศาลสำหรับทุกคนอีกต่อไปแล้ว คนยากจนหมดทางเลือกจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้ไปอย่างหนัก




    จากกิตติศัพท์ของดินแดนโอเรกอน(Oregon Territory) อันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ ที่ดินทำกสิกรรม และมีน้ำอุดมสมบูรณ์ ที่ยังไม่ถูกบุกเบิกด้วยน้ำมือมนุษย์

    คนด้อยโอกาสทางฝั่งตะวันออก เริ่มอพยบเคลื่อนย้ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไปยังดินแดนโอเกอนนี้ ซึ่งทุกวันนี้ เราเรียกผู้คนเหล่านี้ว่าว่า ผู้บุกเบิก(Pioneer)

    กลุ่มผู้บุกเบิกต่างก็มุ่งไปตะวันตกด้วยเหตุผลนานาประการ หลายคนไปเพื่อหวังจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม บางคนหวังจะได้ที่ดินราคาถูก บางคนก็คิดว่า จะไปร่ำรวยที่นั่น บ้างก็ไปเพราะการรักผจญภัย หลายคนต้องการไปในที่ที่มีคนอยู่ไม่มาก
    
    แต่การไปดินแดนโอเรกอน ไม่ใช่เรื่องง่าย มันหมายถึงต้องจากครอบครัว บ้าน เพื่อนฝูง บางครั้งมันหมายถึงการจากไปยมม้ายังมีผ้าใบแบบไม่มีวันกลับ ที่นั่น ไม่มีหมอ ไม่มีร้านค้า หรือแม้แต่สะพานข้ามแม่น้ำ มันคือการเดินทางที่อันตรายบนความยาวนานเป็นเวลาหลายเดือน 


    เส้นทางสาย โอเรกอน(The Oregon Trail)

  ในช่วงปี1840 ผู้คนที่มุ่งไปโอเรกอน จะไปตามเส้นทางสายโอเรกอน หรือที่เรียกกันว่า Oregon Trail ซึ่งเป็นเส้นทางเกวียนแบหยาบๆ มีจุดเริ่มต้นที่เมือง Independence เมืองหน้าด้านฝั่งตะวันออกของรัฐ Missouri มุ่งตรงไปยัง หุบเขาWillamette ซึ่งต่อมาคือรัฐ Oregonในปัจจุบัน




แผนที่เส้นทางโอเกอน ยุคปี 1932


     การไปยังโอเรกอนสามารถทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเดินไป นั่งบนหลังม้าไป หรือจะไปด้วยเกวียนหรือรถเทียมม้า(Wagon) หลายคนเดินทางกันเป็นครอบครัวด้วยรถเทียมม้าที่มีล้อสูงที่เหมาะจะข้ามแม่น้ำหรือแล่นบนพื้นที่ลุ่มและทุ่งหญ้าที่มีน้ำขัง นอกจากนี้รถเทียมม้ายังมีผ้าใบที่สามารถบังแสงแดด กันลมและฝนให้กับผู้บุกเบิกและสิ่งของที่นำติดตัวไป




การเดินทางทั้งครอบครัวด้วยรถเทียมม้า แบบไปตายเอาดาบหน้า


    ที่เมือง Independence ผู้บุกเบิกต่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่เรียกว่า ขบวนคาราวาน(Wagon Train) ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ปลอดภัยที่สุดในการเดินทาง เพราะการเดินทางเดี่ยวๆจะอันตรายมาก นักเดินทางต่างต้องพึ่งพาอาศัยทรัพยากรในการเดินทางของกันและกัน ซึ่งการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่แบบกองคาราวานสามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด




ต้องฝ่าทั้งภูเขาสูงและทุ่งหญ่้าดินเป็นหล่มและเปียกชื่น


     การเดินทางจากMissouri ถึง Oregon กินระยะเวลานานถึง 5 เดือน เป็นเส้นทางที่ต้องผ่านทั้งภูเขาสูงและที่ราบทุ่งหญ้า แต่ในที่สุดผู้บุกเบิกก็สามารถไปถึงที่ดินแดนอันกว้างใหญ่เหมาะแก่การทำกสิกรรม ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำและป่าไม้

     ด้วยโอกาสในการได้เป็นเจ้าของที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ เป็นมูลเหตุจูงใจสำคัญให้ผู้บุกเบิกพากันออกเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า ที่ดินแปลงใหญ่ถูกจัดสรรให้กับผู้อพยพที่ไปยังโอเรกอน ในขณะนั้น โอเรกอนคือที่เดียวในประเทศสหัฐอเมริกาที่รัฐบาลสัญญาว่าจะจัดสรรที่ดินฟรีให้แก่ทุกคนที่อพยพไป




การเดินทางเป็นกองคาราวาน หรือWagon train

   ทางเลือกที่เปลี่ยนไป:

     ในช่วง ปี1850 เส้นทางเดินรถเทียมม้า(Stagecoach)ได้เปิดให้บริการ ผู้คนสามารถเดินทางจาก โอมาฮา เนบราสก้า ไปยังซานฟรานซิสโก รัฐคาลิฟอร์เนียในระยะเวลาแค่ 3 สัปดาห์ และในปี 1869 การสร้างทางรถไฟข้ามประเทศสายแรกได้แล้วเสร็จลง ทำให้การเดินทางข้ามฝั่งจากนิวยอร์คถึงซานฟรานซิสโก ถูกย่นเวลาจากหลายเดือนลงเหลือเพียง 7 วัน..ความกันดารที่หมดไป..ทำให้ อเมริกาแคบลงถนัดตา



   
      Credit: Social Studies /Scott, Foresman and company





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น